<< หน้าแรก
สาระน่ารู้


  มารู้จัก ipad กันเถอะ (21-6-55)


หลังจากประสบความสําเร็จในการผลิตและจําหน่ายโทรศัพท์มือถือที่ดังที่สุดในโลกอย่างiPhone บริษัทแอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ ก็ได้ดําเนินการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ที่พร้อมจะเขย่าโลก โดยครั้งนี้เป้าหมายไม่ใช่วงการมือถือเหมือนครั้งผลิต iPhone คราวนี้แอปเปิ้ลจะเขย่าวงการคอมพิวเตอร์ด้วย iPad เปิดตัวอวดโฉมเป็นครั้งแรกที่ ซานฟรานซิสโก ในวันที่ 27 มกราคม 2010 โดยมีนาย สตีฟ จ๊อบส์ ผู้บริหารบริษัทแอปเปิ้ล เป็๋นคนนําตัว iPad ออกมาให้โลกได้เห็นเป็นครั้งแรก ท่ามกลางบรรดาเหล่าสื่อมวลชนที่แห่กันมาทําข่าวกันคับคั่ง

 

 เมื่อ iPad เห็นครั้งแรก หลายคนนึกถึง จอคอมพิวเตอร์ บางคนคิดถึงกระจกใครที่ชอบทางด้าน เทคโนโลยีอยู่แล้ว อาจจะคิดถึง iPhone และ iPod Touch ซึ่งก็ไม่ผิดจากความจริงเท่าไหร่

แล้วiPad คืออะไรกันล่ะ?

iPad นั้น พูดให้สั้นที่สุดต้องบอกว่า iPad คือ Tablet PC 

แต่เราจะจํากัดความ iPad ด้วย Tablet PC สั้นๆก็คงไม่ถูกนัก

iPad คือ Tablet PC ?

เรามาเริ่มกันที่ iPad คือ Tablet PC กันก่อน ถ้าเป็นคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค ทุกท่านคงรู้จักกันดี ตอนนี้เราใช้คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คเป็นหลักในการทํางานมากกว่าคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะเสียอีก ทีนี้ถ้าเราเอาโน๊ตบุ๊คมาหักครึ่งเอาเฉพาะส่วนหน้าจอมาใช้งาน เอาคีย์บอร์ดทิ้งไป แล้วเปลี่ยนการพิมพ์บนคีย์บอ์ด มาพิมพ์บนหน้าจอโยนเมาส์ทิ้งไป เปลี่ยนมาใช้นิ้วจิ้มบนหน้าจอแทน อะไรจะเกิดขึ้น เราก็จะได้ คอมพิวเตอร์แบบหน้าจอสัมผัสแบบพกพา ที่เราเรียกกันว่า Tablet PC 

โดยพื้นฐานแล้ว Tablet PC ไม่มีอะไรแตกต่างจากคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค เพียงแต่ไม่มีคีย์บอร์ด ไม่มีเมาส์ เท่านั้นเอง เรายังใช้งานโปรแกรมใน Windows XP , Windows Vista ไม่ว่าจะเป็น โปรแกรมเวิร์ด เอ็กเซลล์ การใช้งานอินเตอร์เน็ต สามารถใช้งานได้เหมือนเดิม  iPad เองก็จัดอยู่ในประเภท Tablet PC เช่นเดียวกัน การใช้งาน iPad จะไม่มีคีย์บอร์ด ไม่มีเมาส์ ทุกอย่างทําบนหน้าจอทั้งสิ้น   มีรูปร่างสวยงาม น้ำหนักเบาพกพาได้ง่าย(680 กรัม)

แต่ iPad นั้นมีความแตกต่างจาก Tablet PC ทั่วไปที่เรารู้จักกัน เนื่องจากระบบปฏิบัติการของมันนั่นเอง

ระบบปฏิบัติการของ iPad

ใช้ตัวเดียวกับที่ใช้ iPhone  เรียกกันว่า iPhone OS โดยมีการพัฒนาปรับปรุงเพื่อใช้กับอุปกรณ์ขนาดใหญ่อย่าง iPad (ดังนั้น iPad คือ ทายาท iPhone?) เพราะฉะนั้น จุดเด่นที่เคยมีอยู่ใน iPhone ก็จะมีอยู่ใน iPad เกือบครบเลย

หนาตา iPad เปรียบเทียบกับ iPhone      

                                                                 

จุดเด่นที่สืบทอดจาก iPhone OS

1. คุณสมบัติด้านบันเทิง การดูหนัง ฟังเพลงสําหรับ iPhone เป็นโทรศัพท์ที่ขึ้นชื่อในด้านการดูหนัง ฟังเพลงอยู่แล้ว คุณภาพของภาพและเสียงนั้นถ่ายทอดมาจาก สินค้าขึ้นชื่อของแอปเปิ้ลอีกตัวนึงอย่าง iPod ที่ครองแชมป์ในด้านเครื่องเล่น mp3 ที่ดีที่สุดในโลก สําหรับ iPad เมื่อรับความสามารถนี้มา รับรองได้ว่า การดูหนัง ฟังเพลงบน iPad ก็เลยยอดเยี่ยมไม่แพ้พี่ๆ

2. การหมุนหนาจออัตโนมัติ ใน iPad เราจะพบกับหน้าจอที่หมุนเองอัตโนมัติ เวลาที่เราเอียงหน้าจอไม่ว่าจะเป็นมุมตั้งสําหรับใช้งานแอพพลิเคชั่น หรือ มุมแนวนอนสําหรับเวลาดูวีดีโอ

3. GPS ใน iPhone เราจะพบว่ามีการนําชิป GPS ที่ใช้ในการระบุตําแหน่งพิกัดละติจูด ลองจิจูดของตัวเองติดมากับเครื่องด้วย และจะมีโปรแกรมสําหรับใช้งานคู่กับ GPS มากมายเลยทีเดียว สําหรับ iPad เองก็เช่นเดียวกัน GPS จะมาพร้อมเครื่องด้วย

4. Multi Touchscreen ถ้าเป็นจอสัมผัสทั่วไป เราใช้ได้เพียงนิ้วเดียวในการจิ้ม แทนการใช้เมาส์ แต่สําหรับ iPad นั้นเราสามารถใช้นิ้วสองนิ้ว ในการย่อขยายรูป หมุนรูป รวมถึงใช้ซูมเข้า ซูมออกหน้าเว็บไซต์ได้

5. digital magnetic compass คือความสามารถในการจับสนามแม่เหล็กไฟฟ้า เป็นผล iPad จําลองตัวเองเป็นเข็มทิศได้

6. accelerometer อันนี้อธิบายลําบาก มันคือความสามารถในการจับการเคลื่อนไหวของตัวเครื่องได้ว่า ตัวเครื่องเอียงซ้ายเอียงขวา เวลาเล่นเกมสขับรถ เราใช้ iPad แทนพวงมาลัยได้เลย

จากการที่ iPad นั้นทั้งฮาร์ดแวร์ และระบบปฏิบัติการคล้าย iPhone มากนั้น ทําให้นักวิจารณ์คอมพิวเตอร์ หลายค่ายออกมาบ่นว่า iPad ก็คือ iPhone ขนาดใหญ่นั่นเอง พูดอีกอย่างก็คือ แทนที่จะบอกว่า iPad เป็น Tablet PC พวกนักวิจารณ์มองว่า iPad คือiPhone ยักษ์นั่นเอง (บางคนก็ว่า iPod Touch ยักษ์)

แล้วมันจะเป็นอะไรไป ถ้า iPad จะเป็น iPhone เครื่องยักษ์ ก่อนจะเลยไปถึงเรื่องนั้น เรามาดูกันก่อนดีกว่า ว่า iPad ใช้ทําอะไรได้บ้าง

อย่างที่เล่าให้ฟังว่าiPad เป็น Tablet มีคุณสมบัติหลักๆ ตามแบบ iPhone ทีนี้ถ้าเรามาดูความสามารถที่ทางแอปเปิ้ลนําเสนอกันหน่อยว่า iPad นี้ทําอะไรได้บ้าง

1. การเล่นเว็บไซต์ (SAFARI) พูดง่ายๆ ก็คือ การเข้าเว็บไซต์ต่างๆ นั่นเอง แต่ด้วยหน้าจอแบบ Multi Touchscreen คุณก็จะพบกับประสบการณ์การเล่นเว็บที่น่าทึ่งทีเดียว          

2. การใช้งานอีเมล์ Mail  แน่นอนว่าในการเล่นอินเตอร์เน็ตต้องมีการใช้งานอีเมล์แน่นอน สําหรับ iPad ก็ไม่มีอะไรแปลกใหม่ นอกจากการที่เราสามารถพิมพ์บนหน้าจอได้เลย

3. Photo ลักษณะคล้ายโปรแกรมจัดการรูปทั่วไป (เช่น ACD see) แต่มันพิเศษตรงที่ใช้นิ้วสองนิ้วซูมเขย่าซูมออกได้ ประกอบกับที่รูปมันปรับตามหน้าจอที่เราหมุนเอียงได้
 

4. iPod & Movie ฟังก์ชั่นในการดูหนังฟังเพลง อย่างที่บอกว่าเป็นความสามารถหลักที่รับสืบทอดมาจาก iPhone โดยตรง สําหรับการดูหนัง ก็จะพิเศษหน่อยตรงที่ iPad นั้นรองรับการดูหนังระดับ Hidef 720p ด้วย เรียกว่าชัดมาก สีสันสดทีเดียวเลย    

                                                                        

5. Youtube นอกจากดูหนังฟังเพลง ที่มีอยู่ในเครื่อง iPad เองแล้วเรายังสามารถใช้ iPad ดูวีดีโอที่ถูกโพสไว้ที่ Youtube ได้อีกด้วย

6. iBook ในยุคที่การอ่านเข้าสู่ดิจิตอลแล้ว iPad ก็ได้นําเอาการอ่านหนังสือมาใส่ไว้ในตัวมันด้วยเช่นกัน หนังสือค่ายดังๆในอเมริกาหลายเจ้า ก็จะทําหนังสือดิจิตอลมาสู่คลังหนังสือใน  iBook Store ให้เจ้าของ iPad สามารถซื้อหาหนังสือดิจิตอลในราคาที่ถูกกว่าปกติ นอกจาก iBook จะจําลองการอ่านหนังสือตามปกติแล้ว มันยังเพิ่มคุณค่าโดยใส่วีดีโอและเสียงลงในหนังสือได้ลงตัวอีกด้วย

7.สําหรับการจัดการปฏิทิน และรายชื่อผู้ติดต่อ(contact) ก็สุดแสนน่าประทับใจใครที่ติดการใช้งาน Microsoft Outlook คงชอบหน้าตาปฏิทินของ iPad แน่ๆ และในรายชื่อผูู้ติดตอ นอกจากระบุชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์แล้ว ยังสามารถระบุตําแหน่งที่อยู่ในรูปของพิกัดละติจูด ลองจิจูดเพื่อแสดงผลในแผนที่ของ google map ได้ด้วย  

                                       

8. Maps ฟังก์ชั่นนี้น่าจะเป็นที่คุ้นเคยสําหรับทุกท่าน Google Map ให้บริการด้านแผนที่ออนไลน์มานานแล้ว สําหรับ iPad ที่มีชิป GPS ติดมาด้วยสามารถทํางานเป็น อุปกรณ์นําทาง

(Navigator)ได้ด้วยฟังก์ชั่น Maps นี้

9. iWork ฟังก์ชั่นงานเอกสาร Office สําหรับงานด้านเอกสารของ iPad แอปเปิ้ลได้พัฒนาต่อจากโปรแกรมชุด iWork ซึ่งเป็นชุดโปรแกรมงานออฟฟิศแบบเดียวกับ Microsoft Office ที่ใช้งานในคอมพิวเตอร์ Mac โดยพัฒนาให้มีความเหมาะสมกับการใช้งานแบบ Multi touchscreen ของ iPad และคงชื่อเดิมไว้ว่า iWork ซึ่งมีชุดโปรแกรม

10. Page (งานพิมพ์เอกสาร)

11. Number  (งานสเปรดชีดแบบ เอ็กเซลล์)        

                                                                     

12. Keynote (งานนําเสนอแบบเดียวกับ พาวเวอร์พอยต์) แค่คิดว่าจะทํางานออฟฟิศบน iPad ก็่าตื่นเต้นแล้วนะ

 

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : http://www.techmoblog.com

 

 





วันที่  : 21 มิ.ย. 2555
เวลา : 12:44:00
 
 
Copyright ©2008,Learning Centre : LC,Prince of Songkla University, Phuket Campus .