<< หน้าแรก
สาระน่ารู้


  การทำ SEO (6-2-56)


SEO ย่อมาจากคำเต็มว่า “Search Engine Optimization” หมายถึง กระบวนการปรับแต่งเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับการทำงานของ Search Engine (เช่น Google , Yahoo , bing ฯลฯ) เพื่อให้เว็บของเราติดอยู่ในอันดับต้นๆ ในหน้าผลการค้นหาเมื่อมีคนเสริจด้วยคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับเรา หัวใจสำคัญของการทำ SEO อยู่ที่การพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้เว็บไซต์ของเราเป็นที่ถูกอกถูกใจของ Search Engine มีคุณลักษณะที่สอดคล้องกับการทำงานของ Search Engine

ทำไมต้องทำ SEO ด้วย

เป็นเพราะว่าปัจจุบันคน ใช้อินเตอร์เน็ตส่วนใหญ่ราวๆ 80 เปอร์เซ็นต์ มีการค้นคว้าหาข้อมูลผ่าน Search Engine กัน ผิดกับสมัยก่อน ที่เข้าตามเว็บไซต์ต่างๆ โดยตรง ดังนั้นจึงต้องปรับเว็บไซต์เราให้ไปติดอันดับผลการค้นหาในอันดับต้นๆ  ของ  Search Engine  การทำ SEO เป็นวิธีที่ค่อนข้างได้ผลมากๆ ประโยชน์ที่เราจะได้รับจากการทำ SEO เช่น

          - เพิ่มปริมาณคนเข้าชมเว็บไซต์ได้
          - ค่าใช้จ่ายต่ำ หรือ แทบไม่มีเลย หากคุณลงมือทำ SEO เอง
          - สามารถทำได้ง่าย ตามวิธีการต่างๆที่มีการเผยแพร่ออกมา
          - เป็นการประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ที่ได้ผลดีที่สุด

เทคนิคการทำ SEO

1. เริ่มต้นกับการปรับโครงสร้างเว็บไซต์ที่ถูกใจ Search Engine  

หากเรายังไม่ได้สร้างเว็บไซต์ เราควรจะวางแผนเรื่องของโครงสร้างเว็บไซต์ให้ดีเสียก่อน เพราะว่า เมื่อ Search Engine ส่ง Robot เข้ามาเก็บข้อมูลในเว็บไซต์ของเราแล้ว จะได้สามารถเก็บข้อมูลต่างๆ ได้เร็วและสามารถลิงก์เชื่อมไปยังทุกๆ ส่วนของเว็บไซต์ได้ทั้งหมด ซึ่งจะส่งผลดีต่อการติดอันดับต้นๆ ในส่วนของ
ผลการค้นหานั่นเอง สำหรับโครงสร้างที่ดีก็ควรจะเป็นดังนี้
          - มีการเลือกใช้ภาษาที่เขียนเว็บไซต์ไม่ซับซ้อน เช่น HTML หรือ CSS
          - มีการสร้าง Sitemap (สารบัญเว็บไซต์) ไว้ในเว็บไซต์
          - มีการสร้างเมนูเพื่อลิงค์ไปยังเนื้อหาในทุกๆหน้า
          - มีการเน้นตัวอักษรในลักษณะการทำตัวหนา (BOLD) หรือตัวใหญ่ (HEADING) เพื่อบอก Robot ให้ทราบว่าเป็นส่วนสำคัญ
          - มีการกำหนดปริมาณเนื้อหา และ ภาพในหน้าเว็บไซต์ที่เหมาะสมไม่ให้มากจนเกินไป
          - เลือกใช้โฮสต์ที่มีความเร็วในการโหลดหน้าเว็บไซต์
          - ลดการใช้พวก FLASH หรือ JAVASCRIPT ลง
          - มีการระบุ ALT TAGS เพื่อบอกความหมายของภาพ หรือ ลิงก์ในเว็บไซต์
          - โฟลเดอร์ที่ใช้จะต้องมีความหมาย หรือ มีคีย์เวิร์ดอยู่ด้วย
          - ชื่อไฟส์ควรจะเป็นคำที่มีความหมาย ไม่ควรเป็นพวกโค๊ด ID ต่างๆ 

2. เลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมนำมาใช้กำหนดในเว็บไซต์

วิธีการหา คีย์เวิร์ด (keyword) ก่อนอื่นเราต้องดูก่อนว่า เราทำเว็บไซต์อะไร และถ้าเราจะหาข้อมูล เราจะใช้คำค้นอะไร ก็เอาคำค้นที่เราใช้ค้นหาข้อมูลนั่นมาเป็นคีย์เวิร์ด และถ้าอยากทราบว่า คีย์เวิร์ด ที่เราคิดขึ้นมานั้นมีคนค้นหามากแค่ไหน ก็ไปที่เว็บไซต์ google trends (http://www.google.com/trends)  หรือ  Google Adwords (http://adwords.google.com/select/keywordtoolexternal) แล้วพิมพ์คำที่เราคิดว่าจะใช้เป็นคีย์เวิร์ด ลงไป ระบบจะแสดงข้อมูลให้เราเห็น เราก็เอาข้อมูลที่ได้ไปวิเคราะห์ เลือกคีย์เวิร์ดที่เป็นคำเฉพาะเจาะจงมาใช้ ซึ่งจะง่ายต่อการทำ SEO

3. เขียน  Meta Tag  เพื่อ SEO

Meta Tag คือ ส่วนของซอร์สโค๊ดที่อยู่ใน Head (ส่วนหัว) ของเอกสาร HTML โดยปกติเมื่อเราเปิดหน้าเว็บไซต์หนึ่งๆ ขึ้นมา ส่วนของ Head จะถูกประมวลผลก่อน ดังนั้น Meta Tag จึงเป็นส่วนที่บอกคุณลักษณะของเว็บนั้นๆ ว่าเป็นเว็บเกี่ยวกับอะไร แสดงผลด้วยภาษาอะไร ใครเป็นผู้เขียน มีคำค้นที่ใช้ว่าอะไร เป็นต้น ซึ่ง Robot ของ Search Engine จะเก็บข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ในการประมวลผลจัดเก็บเว็บไซต์   Meta Element  แต่ละ Tags ที่เกี่ยวข้องกับการทำ SEO ได้แก่

รูปแบบของ Meta Tag

<title> Page Titles </title>
<meta name="description" content="Meta Description" />
<meta name="Keywords" content="Meta Keywords"/>
<meta http-equiv="content-language" content=" Meta Language " />
<meta http-equiv=" content-type" content=" Meta Content Type "  />
<meta name="author" content=" Meta Author "  />
<meta name="robots" content="index, follow" />

 

4. ใส่ keyword ที่บริเวณ คำอธิบายรูปภาพ (Images Alt Tag)

รูปแบบ <img src="images address"  alt="Keyword">


5. ใส่ keyword ที่บริเวณคำอธิบาย ลิงค์ (Text Link Title)

 รูปแบบ <a href="URL" title="Keyword">  Keyword  </a>

 
6. Submit URL กับ Google 


หลังจากที่เรามีเว็บไซต์แล้ว การนำเว็บไซต์ไป Submit กับ Google เป็นวิธีการที่จะช่วยให้ search engine อย่าง google รู้จักเว็บของเรา เพื่อที่จะเข้ามาค้นเว็บไซต์ของเรา และเก็บข้อมูลเว็บไซต์ของเราไว้ในระบบฐานค้นหาของ google เพื่อให้คนอื่นสามารถค้นหาเว็บเราเจอ  

การ Submit URL กับ Google  ทำได้โดยการเพิ่ม URL ที่ (ต้อง Sing in ก่อน) https://www.google.com/webmasters/tools/submit-url

 

7. เพิ่มเว็บไซต์เข้าสู่ระบบ Google Web Master Tools

Google Webmaster Tools เป็นบริการฟรีจากกูเกิ้ลซึ่งเป็นเครื่องมือที่จะช่วยเราทำ SEO และช่วยวิเคราะห์ความเหมาะสมในด้าน SEO ของเว็บไซต์ ซึ่งนำไปสู่การแก้ไขปรับปรุงเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับหลัก SEO ต่อไป การเพิ่มเว็บไซต์เข้าสู่ระบบ Google Web Master Tools เป็นการยืนยันการเป็นเจ้าของเว็บไซต์กับทาง google (http://www.google.com/webmasters/tools) 

 

8. จัดทำ sitemap และ Submit Site map เข้าสู่ระบบ Google Web Master Tools

หลังจากเพิ่มเว็บไซต์เข้าสู่ระบบ Google Web Master Tools แล้ว สิ่งแรกที่เราควรทำได้แก่ การ Submit Site map เข้าสู่ระบบ Google Web Master Tools การทำแบบนี้จะช่วยเรียกบอทของ Google ให้เข้ามาเก็บข้อมูลในเว็บไซต์ของเราตามโครงสร้าง Site map ที่เราสร้างไว้  Site map ทำหน้าที่เป็นเหมือนแผนที่ที่ช่วยให้บอทไต่ไปทั่วเว็บได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว สามารถสร้าง Sitemap ได้โดยไปที่เว็บไซต์ www.xml-sitemaps.com

แม้เราจะเพิ่ม Sitemap ของเราเข้าสู่ระบบ Google Webmaster Tools แล้ว แต่ถ้าภายหลังเว็บไซต์ของเรามีการปรับเปลี่ยน โดยเฉพาะในแง่โครงสร้างของเว็บไซต์ เราก็ต้องสร้าง Sitemap ขึ้นมาใหม่ พร้อมกับเพิ่ม Sitemap ใหม่เข้าสู่ระบบของ Google Webmaster Tools ทุกๆครั้งด้วย


9. การ Ping เว็บไซต์เพื่อเรียกบอทของ Search Engine ให้เข้าเก็บข้อมูลในเว็บไซต์

 เว็บไซต์สำหรับใช้ในการ Ping นั้นมีอยู่มากมายหลายเว็บ แต่ที่นิยมกันมากคือเว็บไซต์ http://pingler.com 

 

 

 

 << ดาวน์โหลดคู่มือการทำ SEO ได้ที่นี่

 





วันที่  : 6 ก.พ. 2556
เวลา : 09:31:04
 
 
Copyright ©2008,Learning Centre : LC,Prince of Songkla University, Phuket Campus .