การศึกษาในคณะวิชาต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์มีแนวทางและระเบียบต่าง ๆ โดยสังเขป ดังต่อไปนี้ (ยกเว้น แนวทางการศึกษาของคณะแพทยศาสตร์ คณะทันตแพทยศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ และคณะพยาบาลศาสตร์ ซึ่งมีแนวทางที่แตกต่างกันบางประการ ซึ่งจะกล่าวไว้ในตอนท้าย) ส่วนรายละเอียดขอให้ศึกษาจากระเบียบมหาวิทยาลัยฯ ว่าด้วยการศึกษาขั้นปริญญาตรี พ.ศ. 2552
1. คุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์ขึ้นทะเบียนเป็นนักศึกษา
1) สำเร็จการศึกษาขั้นสูงสุดของการศึกษาขั้นพื้นฐานหรือการศึกษาอื่นที่เทียบเท่า
2) ผ่านการคัดเลือกเข้าเป็นนักศึกษาตามวิธีที่มหาวิทยาลัยกำหนด
3) ไม่เป็นโรคติดต่อร้ายแรง เรื้อรังที่แพร่กระจายได้หรือโรคที่เป็นอุปสรรคต่อการศึกษา
2. ระบบการศึกษา
มหาวิทยาลัยจัดการศึกษาระบบทวิภาค โดย 1 ปีการศึกษา แบ่งเป็น 2 ภาคการศึกษาปกติ ซึ่งเป็นภาคการศึกษาบังคับคือ ภาค 1 และภาค 2 แต่ละภาคใช้เวลาประมาณ 15 สัปดาห์ ส่วนในภาคฤดูร้อนเป็นภาคการศึกษาที่ไม่บังคับใช้เวลาประมาณ 7 สัปดาห์
3. การวัดและการประเมินผล
การวัดและประเมินผล เป็นหน้าที่ของอาจารย์ผู้สอนหรือผู้ที่คณะเจ้าของวิชาจะกำหนด อาจกระทำโดยการสอบหรือวิธีอื่น เช่น พิจารณาจากพัฒนาการของผู้เรียน ความประพฤติ การสังเกตพฤติกรรมการเรียน การร่วมกิจกรรม เป็นต้น การสอบอาจมีได้หลายครั้งและการสอบไล่หมายถึง การสอบครั้งสุดท้ายของรายวิชานั้น ผลของการเรียนจะวัดและประเมินผลเป็นระดับคะแนนหรือสัญลักษณ์
1) การวัดและประเมินผลเป็นระดับคะแนน แบ่งเป็น 8 ระดับ โดยกำหนดเป็นอักษร A B+ B C+ C D+ D และ E
ในแต่ละตัวอักษรมีความหมายดังนี้
ระดับคะแนน |
ความหมาย |
ค่าระดับคะแนน (ต่อ 1 หน่วยกิต) |
A |
ดีเยี่ยม (Excellent) |
4.0 |
B+ |
ดีมาก (Very Good) |
3.5 |
B |
ดี (Good) |
3.0 |
C+ |
พอใช้ (Fairly Good) |
2.5 |
C |
ปานกลาง (Fair) |
2.0 |
D+ |
อ่อน (Poor) |
1.5 |
D |
อ่อนมาก (Very Poor) |
1.0 |
E |
ตก (Fail) |
0.0 |
นักศึกษาที่ได้ระดับคะแนน E จะต้องลงทะเบียนเรียนรายวิชานั้นซ้ำ ยกเว้นเป็นรายวิชาในหมวดวิชาเลือกเสรีตามโครงสร้างหลักสูตร
2) การวัดและการประเมินผลเป็นสัญลักษณ์ แบ่งเป็นอักษร G P F S และ U อักษรแต่ละตัวมีความหมายดังนี้
G (Distinction) หมายถึง ผลการศึกษาอยู่ในขั้นดี
P (Pass) หมายถึง ผลการศึกษาอยู่ในขั้นดีพอใช้
F (Fail) หมายถึง ผลการศึกษาอยู่ในขั้นตก
นักศึกษาอาจเลือกลงทะเบียนเรียนรายวิชาที่ไม่ใช่วิชาบังคับของหลักสูตรโดยไม่นับหน่วยกิตสะสมได้ การวัด
และประเมินผลรายวิชาลักษณะนี้ ใช้สัญลักษณ์ S และ U อักษรแต่ละตัวมีความหมายดังนี้
S (Satisfactory) หมายถึง ผลการศึกษาเป็นที่พอใจ
U (Unsatisfactory) หมายถึง ผลการศึกษาไม่เป็นที่พอใจ
ส่วนสัญลักษณ์อื่นๆ ได้แก่
I (Incomplete) หมายถึง การวัดและประเมินผลยังไม่สมบูรณ์
W (Withdrawn) หมายถึง ถอนหรือยกเลิกการลงทะเบียนเรียน
R (Deferred) หมายถึง เลื่อนกำหนดการวัดและประเมินผลไปเป็นภาคการศึกษาปกติถัดไป
นักศึกษาที่ทุจริตในการวัดผล จะได้รับระดับคะแนน E หรือสัญลักษณ์ F หรือ U ในรายวิชาที่กระทำการทุจริตหรืออาจพิจารณาโทษทางวินัย เช่น
1. ให้พักการศึกษาไม่น้อยกว่าหนึ่งภาคการศึกษา
2 ให้ได้ระดับคะแนน E หรือสัญลักษณ์ F หรือ U ทุกรายวิชาที่ได้ลงทะเบียนเรียนในภาคการศึกษานั้น
3. ให้ออก
4. ไล่ออก
4. สถานภาพการศึกษา
มหาวิทยาลัยจะนำผลการศึกษาของนักศึกษาแต่ละคนมาคำนวณเป็นแต้มระดับคะแนนเฉลี่ยสะสม เพื่อกำหนดสถานภาพของนักศึกษา
สถานภาพของนักศึกษามี 2 ประเภท คือ
1) นักศึกษาปกติ หมายถึง นักศึกษาที่ได้แต้มระดับคะแนนเฉลี่ยสะสมตั้งแต่ 2.00 ขึ้นไป
2) นักศึกษาในภาวะวิกฤต หมายถึง นักศึกษาที่ได้แต้มระดับคะแนนเฉลี่ยสะสมตั้งแต่ 1.00-1.99 ในภาคการศึกษาแรกที่เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัย
3) นักศึกษาในภาวะรอพินิจ หมายถึง นักศึกษาที่ได้แต้มระดับคะแนนเฉลี่ยสะสมไม่ถึง 2.00 และมีสิทธิ์อยู่ในภาวะรอพินิจได้ 3 ครั้ง
หากได้แต้มระดับคะแนนเฉลี่ยสะสมไม่ถึง 2.00 หลังจากได้รับภาวะรอพินิจครั้งที่ 3 จะต้องพ้นสภาพการเป็นนักศึกษา
5. การลา
การลามี 3 ประเภท
1) ลาป่วยหรือลากิจ ถ้าลาไม่เกิน 7 วันต้องได้รับการอนุมัติจากอาจารย์ผู้สอนและแจ้งอาจารย์ที่ปรึกษาทราบ หากลาเกิน 7 วันต้องได้รับการอนุมัติจากคณบดี โดยผ่านอาจารย์ที่ปรึกษา
2) ลาพักการศึกษา นักศึกษามีสิทธิ์ลาพักการศึกษาได้ไม่เกิน 2 ภาคการศึกษาติดต่อกัน และใน 2 ภาคการศึกษาแรก (คือ ภาค 1 และภาค 2 ของปีที่ 1) นักศึกษาไม่มีสิทธิ์ลาพักการศึกษา ยกเว้นกรณีป่วย หรือถูกเกณฑ์หรือระดมเข้ารับราชการทหารกองประจำการหรือได้รับทุนแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ และในการลาพักการศึกษานั้นนักศึกษาจะต้องชำระค่ารักษาสถานภาพนักศึกษาทุกภาคการศึกษาตามอัตราที่มหาวิทยาลัยกำหนด
3) ลาออก นักศึกษาที่จะลาออกจะต้องมีใบรับรองจากผู้ปกครองผ่านอาจารย์ที่ปรึกษา เพื่อขออนุมัติต่ออธิการบดี
6. การเสนอชื่อเพื่อรับปริญญา
นักศึกษาจะรับการเสนอชื่อเพื่อรับปริญญาได้ เมื่อมีคุณสมบัติครบถ้วน ดังต่อไปนี้
1) ได้ศึกษาและผ่านการวัด และประเมินผลรายวิชาต่างๆ ครบถ้วนตามหลักสูตรและข้อกำหนดของสาขาวิชาที่จะรับปริญญา โดยไม่มีรายวิชาใดได้สัญลักษณ์ I หรือ R ค้างอยู่ ทั้งนี้รวมถึงรายวิชาที่ได้รับการเทียบโอนและรับโอนและนักศึกษาจะต้องผ่านการเข้าร่วมกิจกรรมเสริมหลักสูตร เพื่อพัฒนานักศึกษาตามทมหาวิทยาลัยกำหนดด้วย
2) ยังมีสถานภาพเป็นนักศึกษาอยู่ และได้แต้มระดับคะแนนเฉลี่ยสะสมไม่ต่ำกว่า 2.00 หากเป็นนักศึกษาที่โอนย้ายมาจากสถาบันอุดมศึกษาอื่น จะต้องศึกษาในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์อย่างน้อย 1 ปีการศึกษา
3) ระยะเวลาการสำเร็จการศึกษา
- การลงทะเบียนเรียนเต็มเวลา |
หลักสูตร 4 ปี สำเร็จการศึกษาได้ไม่ก่อน 6 ภาคการศึกษาปกติ |
|
หลักสูตร 5 ปี สำเร็จการศึกษาได้ไม่ก่อน 8 ภาคการศึกษาปกติ |
|
หลักสูตร 6 ปี สำเร็จการศึกษาได้ไม่ก่อน 10 ภาคการศึกษาปกติ |
- การลงทะเบียนเรียนไม่เต็มเวลา |
หลักสูตร 4 ปี สำเร็จการศึกษาได้ไม่ก่อน 14 ภาคการศึกษาปกติ |
|
หลักสูตร 5 ปี สำเร็จการศึกษาได้ไม่ก่อน 17 ภาคการศึกษาปกติ |
|
หลักสูตร 6 ปี สำเร็จการศึกษาได้ไม่ก่อน 20 ภาคการศึกษาปกติ |
4) ไม่อยู่ในระหว่างการรอรับโทษทางวินัยที่ระบุให้งดการเสนอชื่อเพื่อรับปริญญาชั่วระยะเวลาหนึ่ง
5) ได้ปฏิบัติตามระเบียบต่างๆ ครบถ้วนและไม่มีหนี้สินใดๆ ต่อมหาวิทยาลัย
6) ได้ดำเนินการเพื่อขอรับปริญญาตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด
7. การได้รับปริญญาเกียรตินิยม
นักศึกษาที่มีผลการเรียนดีจะได้รับปริญญาเกียรตินิยม 2 ระดับคือ
1) เกียรตินิยมอันดับ 1 ผู้ที่มีสิทธิ์ได้รับปริญญาเกียรตินิยมอันดับ 1 จะต้องมีคุณสมบัติดังนี้
1.1ได้แต้มระดับคะแนนเฉลี่ยสะสมตั้งแต่ 3.50 ขึ้นไป
1.2 ไม่เคยได้ค่าระดับคะแนนต่ำกว่า 2.00 หรือสัญลักษณ์ F หรือ U ในรายวิชาใดๆ
1.3 ใช้เวลาศึกษาไม่เกินจำนวนปีการศึกษาต่อเนื่องกันตามแผนการศึกษาของสาขาวิชาที่จะได้รับปริญญา
1.4 ไม่เคยเป็นผู้มีประวัติได้รับการลงโทษเนื่องจากผิดวินัยอย่างร้ายแรง
2) เกียรตินิยมอันดับ 2 ผู้ที่มีสิทธิ์ได้รับปริญญาเกียรตินิยมอันดับ 2 จะต้องมีคุณสมบัติดังนี้
2.1 ได้แต้มระดับคะแนนเฉลี่ยสะสมตั้งแต่ 3.25 ขึ้นไป แต่เป็นผู้ที่ไม่มีสิทธิ์ ได้รับปริญญาเกียรตินิยมอันดับ 1
2.2 ไม่เคยได้ค่าระดับคะแนนต่ำกว่า 2.00 ในรายวิชาเอกใดๆ ของหลักสูตรนั้น
2.3 ไม่เคยได้รับระดับคะแนน E หรือสัญลักษณ์ F หรือ U ในรายวิชาใดๆ
2.4 ใช้เวลาศึกษาไม่เกินจำนวนปีการศึกษาต่อเนื่องกันตามที่กำหนดในแผนการศึกษาของสาขาวิชาที่จะได้รับปริญญา
2.5 ไม่เคยเป็นผู้มีประวัติได้รับการลงโทษเนื่องจากผิดวินัยอย่างร้ายแรง
8. การขอเข้ารับการศึกษาเพื่อปริญญาที่สอง
นักศึกษาที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากสถาบันอุดมศึกษา หรือกำลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มีสิทธิ์ขอเข้าศึกษาเพื่อรับปริญญาที่สองในสาขาวิชาอื่นได้ โดยจะต้องได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการประจำคณะ และอธิการบดี
9. การพ้นสภาพการเป็นนักศึกษา
นักศึกษาจะพ้นสภาพการเป็นนักศึกษาในกรณีต่อไปนี้
1) ตายหรือลาออก
2) ถูกให้ออก หรือไล่ออก เนื่องจากต้องโทษทางวินัย
3) ไม่ได้ลงทะเบียนเรียนภายใน 30 วัน นับจากวันเปิดภาคการศึกษาปกติ โดยไม่ได้รับการอนุมัติให้ลาพักการศึกษา
4) ได้แต้มระดับคะแนนเฉลี่ยสะสมต่ำกว่า 1.00 ในภาคการศึกษาแรกที่เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัย
5) ได้แต้มระดับคะแนนเฉลี่ยสะสมต่ำกว่า 1.25 ในภาคการศึกษาปกติที่สองที่เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัย
6) ได้แต้มระดับคะแนนเฉลี่ยสะสมต่ำกว่า 1.50 ยกเว้นนักศึกษาที่เริ่มเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยในสองภาคการศึกษาแรก
7) ได้แต้มระดับคะแนนเฉลี่ยสะสมต่ำกว่า 1.70 ในภาคการศึกษาปกติถัดไป หลังจากได้รับภาวะรอพินิจครั้งที่ 1
8) ได้แต้มระดับคะแนนเฉลี่ยสะสมต่ำกว่า 1.90 ในภาคการศึกษาปกติถัดไป หลังจากได้รับภาวะรอพินิจครั้งที่ 2
9) ได้แต้มระดับคะแนนเฉลี่ยสะสมต่ำกว่า 2.00 ในภาคการศึกษาปกติถัดไป หลังจากได้รับภาวะรอพินิจครั้งที่ 3
10) ได้ขึ้นทะเบียนเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยมาแล้ว เป็นระยะเวลาเกิน 2 เท่าของจำนวนปีการศึกษาต่อเนื่องกันที่ได้กำหนดไว้ในแผนการศึกษาของสาขาวิชาที่ศึกษาอยู่
11) ได้รับการอนุมัติปริญญา
12) คณะกรรมการแพทย์ซึ่งแต่งตั้งโดยอธิการบดีวินิจฉัยว่าป่วย จนเป็นอุปสรรคต่อการศึกษาหรือเป็นอันตรายต่อผู้อื่น ทั้งนี้ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการประจำคณะ
การศึกษาในคณะแพทยศาสตร์
ผู้ที่สอบได้คณะแพทยศาสตร์ จะต้องทำสัญญาการเป็นนักศึกษาและมีสัญญาค้ำประกัน โดยบิดาหรือมารดาเป็นผู้ค้ำประกันตามประกาศของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ภายหลังจากที่สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรแล้ว ต้องปฏิบัติงานในส่วนราชการหรือองค์การไม่น้อยกว่า 3 ปีติดต่อกันหากไม่ปฏิบัติตามสัญญา จะต้องชดใช้เงินให้กับมหาวิทยาลัยเป็นจำนวน 400,000 บาท
หลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตเป็นหลักสูตร 6 ปี โดยแบ่งเวลาศึกษาเป็น 3 ระยะ คือ
1. ระยะที่ 1 (Premedical year) ในชั้นปีที่ 1 เป็นการบูรณาการเนื้อหาด้านการศึกษาทั่วไปให้สามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้และยังเชื่อมโยงไปสู่การเรียนในระยะที่ 2 และ 3 ต่อไป เป็นการศึกษารายวิชาของคณะศิลปศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ และคณะแพทยศาสตร์
2. ระยะที่ 2 (Preclinical years) ในชั้นปีที่ 2 และ 3 เป็นการศึกษาวิชาพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยบูรณาการความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างและหน้าที่การทำงานโดยปกติของร่างกายมนุษย์กับพยาธิสภาพต่างๆ อันเป็นพื้นฐานของการเรียนในระดับที่สูงขึ้นต่อไป
3. ระยะที่ 3 (Clinical years) ในชั้นปีที่ 4-6 เป็นการเรียนรู้ความผิดปกติหรือโรคต่างๆ ทั้งทางกายและจิตใจ โดยมีการบูรณาการความรู้จากทฤษฎีกับประสบการณ์ในผู้ป่วยจริง เพื่อให้มีความรู้และทักษะตามเกณฑ์มาตรฐานของแพทยสภา โดยในชั้นปีที่ 6 จะเป็นการฝึกปฏิบัติงานในการตรวจรักษาผู้ป่วยด้วยตนเอง ภายใต้ความรับผิดชอบของอาจารย์แพทย์
ในกรณีที่นักศึกษาไม่สามารถศึกษาจนจบหรือไม่ประสงค์จะเรียนหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต สามารถยื่นคำร้องขอรับปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ หากนักศึกษาได้ลงทะเบียนเรียนรายวิชาครบตามโครงสร้างของหลักสูตร
การศึกษาในคณะทันตแพทยศาสตร์
ผู้มีสิทธิ์เข้าศึกษาในคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จะต้องทำสัญญาการเป็นนักศึกษาเพื่อศึกษาวิชาทันตแพทยศาสตร์และสัญญาค้ำประกัน ตามประกาศของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ภายหลังจากสำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรแล้วจะต้องรับราชการหรือทำงานในสถานศึกษาส่วนราชการหรือองค์กรของรัฐบาลแห่งใดแห่งหนึ่งไม่น้อยกว่า 3 ปีติดต่อกัน หากไม่ปฏิบัติตามสัญญาจะต้องชดใช้เงินให้แก่มหาวิทยาลัยจำนวนเงิน 400,000 บาท และหากลาออกจากการเป็นนักศึกษาหรือมีเจตนาจงใจ ละเลย ทอดทิ้งการศึกษาหรือประพฤติตนไม่สมควรเป็นเหตุให้พ้นสภาพการเป็นนักศึกษา จะต้องชดใช้เงินเป็นเบี้ยปรับให้กับมหาวิทยาลัย
หลักสูตรทันตแพทยศาสตรบัณฑิตเป็นหลักสูตร 6 ปี ในสองปีแรกนักศึกษาเรียนวิชาพื้นฐานทั่วไปและพื้นฐานทางการแพทย์ ใน 4 ปี หลังนักศึกษาเรียนวิชาทางทันตแพทยศาสตร์และฝึกปฏิบัติทางทันตกรรมทั้งในและนอกสถานที่ กำหนดให้นักศึกษาลงทะเบียนเรียนเป็นระบบทวิภาคในชั้นปีที่ 1 ถึงชั้นปีที่ 6 ลงทะเบียนเรียนเป็นรายปี
นักศึกษาชั้นปีที่ 2 และชั้นปีที่ 6 ต้องสอบประมวลความรู้เพื่อประเมินความรู้ความสามารถ โดยผลการประเมินจะต้องได้สัญลักษณ์ S จึงจะมีสิทธิ์ขอรับปริญญาทันตแพทยศาสตรบัณฑิต
การศึกษาในคณะเภสัชศาสตร์
การศึกษาเพื่อปริญญาเภสัชศาสตรบัณฑิตของคณะเภสัชศาสตร์ แบ่งเป็น 2 สาขา คือ
1. เภสัชศาสตรบัณฑิต (หลักสูตร 5 ปี) โดยวุฒิที่ได้รับ คือ ภ.บ. (เภสัชศาสตร์) มีวัตถุประสงค์ในการผลิตบัณฑิตที่มีความรู้ความสามารถในสาขาวิชาชีพด้านใดด้านหนึ่งต่อไปนี้ คือ
ก. การวิจัยและพัฒนาเภสัชภัณฑ์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการค้นหายาใหม่ การพัฒนายาด้วยการสังเคราะห์การวิจัยเพื่อ พัฒนายาจากสมุนไพร การพัฒนาสูตรตำรับยาเตรียม การควบคุมคุณภาพเภสัชภัณฑ์ และกระบวนการศึกษาวิจัยในการพัฒนายาแลเภสัชภัณฑ์อื่น ๆ
ข. เภสัชศาสตร์สังคมและการบริหาร ซึ่งเกี่ยวข้องกับการตลาดยา การบริหารจัดการด้านเภสัชกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคด้านยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ
ดังนั้นเมื่อสำเร็จการศึกษา บัณฑิตในสาขานี้อาจเลือกประกอบอาชีพที่ตรงกับสาขาที่ได้ศึกษา เช่น เป็นนักวิจัย หรือเภสัชกรการตลาด หรือสามารถปฏิบัติงานในสถานพยาบาลในขอบเขตงานที่มีอยู่ในสถานพยาบาลนั้น เช่น การผลิตยา คลังเวชภัณฑ์ หรืองานบริการเภสัชกรรม (จ่ายยา) ได้ หรืออาจเลือกปฏิบัติงานเป็นเภสัชกรชุมชน หรือ ผู้ให้บริการด้านยาใน ร้านยา ได้เช่นเดียวกัน ส่วนบัณฑิตที่ต้องการศึกษาต่อ อาจเลือกศึกษาสาขาต่าง ๆ ในระดับปริญญาโทและปริญญาเอกได้ทั้ง ในและต่างประเทศ
2. เภสัชศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการบริบาลทางเภสัชกรรม โดยวุฒิที่ได้รับ คือ ภ.บ. (การบริบาลทางเภสัช
กรรม) มีวัตถุประสงค์ในการผลิตบัณฑิตที่มีความรู้ความสามารถในการดูแลการใช้ยาในผู้ป่วยตั้งแต่ระดับชุมชน หรือ ปฐมภูมิ ไปจนกระทั่งถึงระดับโรงพยาบาลขนาดใหญ่ หรือ ตติยภูมิ ซึ่งผู้ที่เรียนในสาขานี้จะต้องมีความรู้ด้านเภสัช ผลิตภัณฑ์ในระดับที่ใช้บูรณาการสำหรับการปฏิบัติงานด้วย โดยบัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาในสาขานี้จะมีทักษะที่ดีในการ ปฏิบัติงานเภสัชกรรมคลินิกในสถานพยาบาลทุกระดับ รวมถึงในร้านยาด้วย บัณฑิตในสาขานี้สามารถศึกษาต่อระดับ บัณฑิตศึกษา หรือเพิ่มความเชี่ยวชาญโดยการศึกษาต่อในระดับวุฒิบัตรผู้มีความรู้ความชำนาญสาขาการบริบาลทางเภสัช กรรมซึ่งเทียบเท่าปริญญาเอกได้
บัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาในหลักสูตรนี้โดยส่วนใหญ่จะปฏิบัติงานเป็นเภสัชกรอยู่ในสถานพยาบาล เพื่อดูแลผู้ป่วย ด้านการใช้ยาตามวัตถุประสงค์ของหลักสูตร หรืออาจเลือกเป็นเภสัชกรชุมชน เภสัชกรการตลาด หรือนักวิจัยยาทางคลินิก ก็ ได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตามบัณฑิตจากทั้งสองหลักสูตรข้างต้นจะมีแก่นความรู้ความสามารถสำหรับวิชาชีพเภสัชกรรมร่วมกัน ในระดับหนึ่งตามที่สภาเภสัชกรรมกำหนดไว้ นอกจากนั้นการเรียนการสอนจะเน้นการฝึกปฏิบัติงานในหน่วยงานจริงตาม สาขาที่เลือกเรียน โดยมีเวลาที่ต้องฝึกปฏิบัติไม่น้อยกว่า 2000 ชั่วโมง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในปีสุดท้ายของหลักสูตร และนักศึกษา ต้องสอบผ่านการสอบประมวลความรอบรู้ของคณะ ฯ ก่อน จึงจะสามารถสำเร็จการศึกษาได้
ในปีนี้นักศึกษายังคงต้องทำสัญญาการเป็นนักศึกษาและมีสัญญาค้ำประกันโดยบิดาหรือมารดาเป็นผู้ค้ำประกัน ตามประกาศของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดยเมื่อภายหลังจากสำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรแล้วต้องปฏิบัติงานในส่วน ราชการหรือองค์กรของรัฐบาลต่างๆ ตามที่รัฐกำหนดเป็นเวลา 3 ปี ติดต่อกัน หรือชดใช้เงินจำนวน 400,000.-บาท (สี่แสน บาทถ้วน)
การศึกษาในคณะพยาบาลศาสตร์
ผู้ที่จะศึกษาในคณะพยาบาลศาสตร์ นอกจากจะมีคุณสมบัติเช่นเดียวกันกับนักศึกษาในคณะอื่น ๆ ดังกล่าวข้างต้นแล้ว ยังจะต้องมีคุณสมบัติเฉพาะดังนี้คือ มีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ไม่พิการ หรือทุพพลภาพ หลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิตใช้เวลาในการศึกษา 4 ปี แบ่งเป็น 2 ระยะ คือ 2 ปีแรก ศึกษาวิชาพื้นฐานทั่วไปและพื้นฐานวิชาชีพ ใน 2 ปีหลัง ศึกษาเฉพาะวิชาชีพพยาบาลและผดุงครรภ์
นักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ บังคับเรียนในภาคฤดูร้อน 1 ครั้ง คือในปีที่ 2 ในการวัดผลรายวิชาชีพการพยาบาลนี้ ในรายวิชาภาคทฤษฎีจะต้องได้คะแนนไม่ต่ำกว่า D และในรายวิชาภาคปฏิบัติจะได้คะแนนไม่ต่ำกว่า C จึงจะถือว่าสอบได้ในวิชานั้น
ค่าธรรมเนียมการศึกษาในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
นักศึกษาระดับปริญญาตรีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นค่าธรรมเนียมการศึกษาซึ่ง มหาวิทยาลัยจะเรียกเก็บในอัตราดังต่อไปนี้
1. ภาคการศึกษาปกติ มีอัตราดังต่อไปนี้
1.1 กลุ่ม 1 |
|
1) คณะแพทยศาสตร์ หลักสูตร 6 ปี |
ภาคการศึกษาละ 23,000 บาท |
2) คณะทันตแพทยศาสตร์ หลักสูตร 6 ปี |
ภาคการศึกษาละ 26,000 บาท |
1.2 กลุ่ม 2.1 |
|
1) คณะวิศวกรรมศาสตร์ |
|
- ภาคปกติ |
ภาคการศึกษาละ 15,000 บาท |
- โครงการพิเศษเปิดสอน ณ วิทยาเขตหาดใหญ่ |
ภาคการศึกษาละ 24,000 บาท |
หลักสูตรที่เปิดสอน ณ วิทยาเขตภูเก็ต |
ภาคการศึกษาละ 25,000 บาท |
2) คณะทรัพยากรธรรมชาติ |
ภาคการศึกษาละ 15,000 บาท |
3) คณะอุตสาหกรรมเกษตร |
ภาคการศึกษาละ 15,000 บาท |
4) คณะเภสัชศาสตร์ หลักสูตร 6 ปี |
ภาคการศึกษาละ 19,000 บาท |
1.3 กลุ่ม 2.2 |
|
1) คณะแพทยศาสตร์ |
|
- หลักสูตรกายภาพบำบัด |
ภาคการศึกษาละ 15,000 บาท |
2) คณะวิทยาศาสตร์ |
ภาคการศึกษาละ 13,000 บาท |
- หลักสูตร4 ปี |
|
3) คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี |
ภาคการศึกษาละ 6,000 บาท |
4) คณะศิลปศาสตร์และวิทยาการจัดการ |
ภาคการศึกษาละ 13,000 บาท |
5) คณะวิทยาการสื่อสาร |
ภาคการศึกษาละ 10,000 บาท |
6) คณะพยาบาลศาสตร์ |
|
- หลักสูตร 4 ปี |
ภาคการศึกษาละ 15,000 บาท |
7) คณะการแพทย์แผนไทย |
ภาคการศึกษาละ 16,000 บาท |
8) คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม |
ภาคการศึกษาละ 15,000 บาท |
9) คณะเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม |
ภาคการศึกษาละ 23,000 บาท |
10) โครงการจัดตั้งคณะเทคนิคการแพทย์ |
ภาคการศึกษาละ 16,000 บาท |
1.4 กลุ่ม 3 |
|
1) คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ |
ภาคการศึกษาละ 5,000 บาท |
- ยกเว้นสาขาการจัดการสารสนเทศ |
ภาคการศึกษาละ 10,000 บาท |
- ภาษาจีน (ภาคปกติ) |
ภาคการศึกษาละ 10,000 บาท |
- ภาษาจีน (นานาชาติ) |
ภาคการศึกษาละ 12,000 บาท |
2) คณะศิลปกรรมศาสตร์ |
|
- หลักสูตร 4 ปี |
ภาคการศึกษาละ 5,000 บาท |
3) คณะรัฐศาสตร์ |
ภาคการศึกษาละ 5,000 บาท |
4) คณะศึกษาศาสตร์ |
|
- หลักสูตร 4 ปี และหลักสูตร 5 ปี |
ภาคการศึกษาละ 5,000 บาท |
5) วิทยาลัยอิสลามศึกษา |
ภาคการศึกษาละ 5,000 บาท |
- หลักสูตร 4 ปี และหลักสูตร 5 ปี |
|
6) คณะเศรษฐศาสตร์ |
ภาคการศึกษาละ 12,000 บาท |
7) คณะนิติศาสตร์ |
|
- ภาคปกติ |
ภาคการศึกษาละ 12,000 บาท |
- ภาคบัณฑิต |
ภาคการศึกษาละ 17,000 บาท |
8) คณะพาณิชยศาสตร์และการจัดการ |
|
- หลักสูตร4 ปี |
ภาคการศึกษาละ 12,000 บาท |
9) คณะวิทยาการจัดการ |
|
- หลักสูตร4 ปี |
ภาคการศึกษาละ 13,000 บาท |
- หลักสูตรการจัดการ (ภาษาอังกฤษ) |
ภาคการศึกษาละ 48,000 บาท |
10) คณะศิลปศาสตร์ |
ภาคการศึกษาละ 13,000 บาท |
11) คณะการบริการและการท่องเที่ยว |
|
11.1) ค่าธรรมเนียมแรกเข้านักศึกษาชั้นปีที่ 1 |
ทุกหลักสูตรในภาคแรก 40,000 บาท |
11.2) ค่าธรรมเนียมการศึกษา |
|
- หลักสูตรการจัดการการบริการ และหลักสูตรการจัดการการท่องเที่ยว (หลักสูตรนานาชาติ) |
นักศึกษาไทย |
ภาคการศึกษาละ 32,000 บาท |
นักศึกษาต่างชาติ |
ภาคการศึกษาละ 40,000 บาท |
ค่าธรรมเนียมการศึกษาภาคฤดูร้อน เก็บครึ่งหนึ่งของภาคปกติ |
11.3) นักศึกษาที่ใช้เวลาศึกษาเกินจากที่หลักสูตรกำหนด |
นักศึกษาที่ใช้เวลาศึกษาเกินจากที่หลักสูตรกำหนดทุกหลักสูตร เรียกเก็บอัตราครึ่งหนึ่งของ
ภาคการศึกษาปกติ ยกเว้นหลักสูตรที่ต้องไปเรียน ณ ต่างประเทศให้เรียกเก็บเต็มจำนวนตามอัตรา
ภาคปกติ |
12) คณะวิเทศศึกษา |
12.1) ค่าธรรมเนียมแรกเข้านักศึกษาชั้นปีที่ 1 |
ทุกหลักสูตรในภาคแรก 40,000 บาท |
12.2) ค่าธรรมเนียมการศึกษา |
|
- หลักสูตรวิเทศธุรกิจ (จีน) หลักสูตรจีนศึกษา |
|
นักศึกษาไทย |
ภาคการศึกษาละ 41,000 บาท |
นักศึกษาต่างชาติ |
ภาคการศึกษาละ 49,000 บาท |
- หลักสูตรไทยศึกษา |
|
นักศึกษาไทย |
ภาคการศึกษาละ 38,000 บาท |
นักศึกษาต่างชาติ |
ภาคการศึกษาละ 46,000 บาท |
ค่าธรรมเนียมการศึกษาภาคฤดูร้อน เรียกเก็บเต็มตามจำนวนอัตราภาคปกติ |
12.3) นักศึกษาที่ใช้เวลาศึกษาเกินจากที่หลักสูตรกำหนด |
นักศึกษาที่ใช้เวลาศึกษาเกินจากที่หลักสูตรกำหนดทุกหลักสูตร เรียกเก็บอัตราครึ่งหนึ่งของ
ภาคการศึกษาปกติ ยกเว้นหลักสูตรที่ต้องไปเรียน ณ ต่างประเทศให้เรียกเก็บเต็มจำนวนตามอัตรา
ภาคปกติ |
2. นักศึกษาที่ใช้เวลาศึกษาเกินจากที่หลักสูตรกำหนด |
เรียกเก็บอัตราครึ่งหนึ่งของค่าธรรมเนียมการศึกษาภาคการศึกษาปกติคณะนั้น ๆ โดยเรียกเก็บอัตราดังกล่าว ตั้งแต่ภาคการศึกษาที่เกินจากหลักสูตรกำหนดเป็นต้นไป ทั้งนี้ จำนวนภาคการศึกษาตามที่หลักสูตรกำหนด ให้นับภาค การศึกษาที่มีการลงทะเบียนเรียนโดยไม่นับรวมภาคการศึกษาที่มีการลาพัก และสำหรับคณะที่มีการกำหนดอัตราแตกต่าง จากข้างต้น จะมีรายละเอียดในประกาศค่าธรรมเนียมการศึกษาของคณะนั้น ๆ |